หลักการและเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญสหพันธรัฐไท
- สหพันธรัฐไทปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพการ
จำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจะกระทำมิได้ เว้นแต่มีบทบัญญัติของกฎหมาย
ที่ผ่านความเห็นชอจากรัฐสภา ด้วยมติที่มีคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวน
สมาชิกรัฐสภา และมีเจตนารมณ์เพื่อความมั่นคงของรัฐ หรือ เพื่อความปลอดภัยของ
ประชาชน หรือเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจการเงิน และการคลังของสหพันธรัฐไท
ทั้งนี้จะใช้บังคับได้ไม่เกิน 2 ปีประชาชนทุกคนของสหพันธรัฐไทอยู่ภายใต้กฎหมาย
เท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติหรือการให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ใดผู้หนึ่งหรือบุคคลกลุ่มใด
กลุ่มหนึ่งจะกระทำมิได้มิให้สหพันธรัฐไทแต่งตั้งฐานันดรใดๆแก่บุคคลใดๆ และให้
ออกกฎหมายยกเลิกฐานันดรที่มีอยู่ทั้งหมด - สหพันธรัฐไทประกอบด้วยรัฐจำนวน 10 รัฐ มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบ
สาธารณรัฐ ภายใต้เอกภาพของสหพันธรัฐ ห้ามรัฐที่เป็นสมาชิกของสหพันธรัฐไททำ
สัญญาเป็นสมาชิก หรือเป็นสมาชิกของสหพันธรัฐอื่น - อำนาจนิติบัญญัติทั้งปวงเป็นของรัฐสภาแห่งสหพันธรัฐไทประกอบด้วยวุฒิสภาและ
สภาผู้แทนราษฎรรัฐสภามีอำนาจในการกำหนดและจัดเก็บภาษีอากร ภาษีศุลกากร
และภาษีสรรพสามิตรในรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศรัฐสภามีอำนาจในการกู้ยืมเงิน
ควบคุมจัดระเบียบพาณิชย์กับนานนาประเทศและระหว่างรัฐ กำหนดกฎเกณฑ์การ
แปลงสัญชาติ คดีล้มละลาย การผลิตเหรียญกษาปณ์ การรักษาค่าเงินทั้งในสหพันธ
รัฐไทและต่างประเทศรวมทั้งการกำหนดมาตรฐานการชั่ง ตวง วัดให้รัฐสภามีอำนาจ
ในการส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาตร์ และศิลปะความรู้ที่มีคุณค่าให้รัฐสภามี
อำนาจในการก่อตั้งศาลที่มีระดับรองจากศาลสูงให้รัฐสภามีอำนาจในการประกาศ
สงครามการจัดตั้งสนับสนุนกองทัพ การจัดหาระดมกำลังอาสาสมัครการรักษากฏ
หมายของรัฐการปราบปรามความไม่สงบภายใน การขับไล่ศัตรูภายนอกและพวก
ติดอาวุธให้รัฐสภามีอำนาจทางด้านนิติบัญญัติทุกกรณีในดินแดนอันเป็นที่ตั้งของ
สหพันธรัฐไทให้รัฐสภามีอำนาจในการตรากฎหมายที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อให้
มีอำนาจในการปกครองประเทศ - สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกทีมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ในแต่ละรัฐทุก 2 ปี คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ให้แต่ละรัฐ
ออกรัฐบัญญัติกำหนด - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องกำหนดโดยรัฐบัญญัติของแต่ละรัฐอัตราส่วน
ผู้แทนราษฎรหนึ่งคนต่อประชากรสามหมื่นคน และจะต้องกำหนดจำนวน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละรัฐทุกสิบปีแต่ละรัฐจะต้องมีผู้แทน
ราษฎรอย่างน้อยหนึ่งคนหากตำแหน่งผู้แทนราษฎรในรัฐใดว่างลงให้
ฝ่ายบริหารของรัฐนั้นจัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง - ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เลือกประธานสภาผู้แทน
ราษฎรและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐสภา - รัฐสภาของแต่ละรัฐออกรัฐบัญญัติเลือกสมาชืกวุฒิสภารัฐละ
สองคนมีวาระการดำรงตำแหน่งหกปี สมาชิกวุฒิสภาของแต่
ละรัฐมีสิทธิออกเสียงได้คนละหนึ่งเสียง - การประชุมรัฐสภาครั้งแรก สมาชิกวุฒิสภาจะถูกแบ่งเป็นสามกลุ่มจำนวนเท่า
กันทุกกลุ่ม สมาชิกวุฒิสภากลุ่มแรกจะหมดวาระลงในปีที่สองกลุ่มที่สองจะ
หมดวาระลงในปีที่สี่ กลุ่มที่สามจะหมดวาระลงในปีที่หกเพื่อให้มีการเลือก
ตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งในสาม แทนตำแหน่งที่ว่างลงทุกสองปีหาก
มีตำแหน่งว่างลงด้วยเหตุอื่นที่มิใช่หมดวาระทุกสองปี และไม่อยู่ในสมัย
ประชุมฝ่ายบริหารของรัฐนั้นต้องแต่งตั้งสมาชิกชั่วคราวให้ปฏิบัติหน้าที่
จนกว่ารัฐสภาจะเปิดสมัยประชุมครั้งต่อไป เพื่อเลือกสมาชิกวุฒิสภา
แทนตำแหน่งที่ว่างลง - บุคคลที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้คือ มีอายุไม่ถึง 18 ปี ไม่มีสัญชาติไทย
และไม่ได้มีภูมิลำเนาในรัฐที่ตนเองได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบุคคล
ที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้คือ มีอายุไม่ถึง 30 ปี ไม่มีสัญชาติไทยและไม่ได้มีภูมิ
ลำเนาในรัฐที่ตนเองได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาวุฒิสภา - รัฐสภาแต่ละรัฐต้องเปิดประชุมอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งสมัยประชุมจะเริ่มมีขึ้นใน
วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม แต่ละรัฐต้องกำหนดเวลา สถานที่และหลักเกณฑ์
การเลือกตั้งวุฒิสมาชิก และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐนั้นๆองค์ประชุมของ
ทั้งสองสภาให้ใช้เสียงข้างมาก - การตัดสินผลการเลือกตั้ง และคุณสมบัติของสมาชิกแต่ละสภาให้สภานั้นๆเป็น
ผู้กำหนดค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรให้เป็นไปตามกฎหมายที่สนอโดยกระทรวงการคลังการอภิปรายของ
สมาชิกรัฐสภาในระหว่างการประชุมย่อมได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายมิ
ให้ถูกฟ้องร้อง - ให้รองประธานาธิบดีสหพันธรัฐไทเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่งแต่ไม่มี
สิทธิลงคะแนนเสียง เว้นแต่กรณีที่มีการลงคะแนนเสียงข้างละเท่ากัน - วุฒิสภามีอำนาจเลือกเจ้าหน้าที่ของวุฒิสภาเอง และเลือกประธานวุฒิสภาชั่ว
คราวในกรณีที่รองประธานาธิบดีปฏิบัติหน้าที่มิได้ หรือกรณีที่รองประธานาธิบ
ดีต้องปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐไท - ให้วุฒิสภาเท่านั้นที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงถูกฟ้องร้อง
ทางอาญากรณีที่ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐไทถูกพิจารณาคดี ให้ประธาน
ศาลสูงทำหน้าที่ประธานในการพิจารณาคดี การพิพากษาลงโทษต้องใช้มติ
ไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมพิจารณาลงคะแนนเสียง
พิพากษา - ห้ามมิให้สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดำรงตำแหน่งใดๆหรือ
ได้รับผลประโยชน์ใดๆอันเป็นการขัดกับการปฏิบัติหน้าที่ของตน และจะต้อง
ไม่ดำรงตำแหน่งอื่นใดในสหพันธรัฐไท - ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐไทต้องให้ความเห็นชอบและลงนามในร่างกฎหมาย
ทุกฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจึงจะมีผลบังคับ
ใช้กรณีที่ประธานาธิบดีไม่เห็นชอบ หรือไม่ลงนามรับรองภายในกำหนดเวลาอัน
สมควร ให้ส่งร่างกฎหมายนั้นกลับคืนสู่สภาผู้เป็นเจ้าของร่าง หากสภานั้นมีมติ
ยืนยันตามร่างกฎหมายเดิมด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่าสองในสามของสมาชิก
สภานั้น ให้ส่งร่างกฎหมายนั้นไปให้สมาชิกอีกสภาหนึ่งพิจารณา หากมีมติยืน
ยันด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม ให้ถือว่าร่างกฎหมายนั้นมีผลใช้บัง
คับเป็นกฎหมาย การลงคะแนนเสียงของทั้งสองสภาให้ทำโดยเปิดเผยโดย
การขานชื่อและบันทึกไว้ในรายงานประชุมของแต่ละสภากรณีที่ประธานา
ธิบดีไม่ลงนามส่งร่างกฎหมายนั้นกลับมาสู่สภาภายในสิบวันทำการให้ถือ
ว่าร่างกฎหมายนั้นมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายกรณีที่รัฐสภาปิดสมัยประชุม
และประธานาธิบดีไม่ลงนามรับรองร่างกฎหมาย ให้ถือว่าร่าง
กฎหมายนั้นตกไป - มติหรือการลงคะแนนเสียงที่ผ่านวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรยกเว้นช่วงปิด
สมัยประชุมจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประธานาธิบดีจึงจะมีผลบังคับใช้
หากประธานาธิบดีไม่เห็นชอบ รัฐสภาจะต้องนำกลับพิจารณาใหม่หากมีมติ
ยืนยันไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภาจึงจะมีผลใช้บัง
คับเป็นกฏหมายได้ - อำนาจบริหารสหพันธรัฐไทเป็นอำนาจของประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐมีวาระ
การดำรงตำแหน่งสมัยละ 4 ปี และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องกันเกิน 2 สมัยไม่ได้
รองประธานาธิบดี ซึ่งได้รับเลือกตั้งพร้อมกัน ดำรงตำแหน่งเวลาเดียวกัน
ตั้งคณะผู้เลือกตั้งมีจำนวนเท่ากับสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่รัฐ
นั้นมีอยู่คณะผู้เลือกตั้งต้องไม่เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ
เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นให้คณะผู้เลือกตั้งประชุมพร้อมกันในรัฐของตนเองโดยลงคะแนน
เสียงเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีโดยหนึ่งในสองตำแหน่งนี้จะต้องไม่
อาศัยอยู่ในรัฐเดียวกันบัตรลงคะแนนต้องระบุชัดเจนเลือกใครเป็นประธานาธิบดีและ
รองประธานาธิบดีให้คณะผู้เลือกตั้งลงนามรับรองผลการเลือกตั้งแล้วส่งมอบโดยการ
ปิดผนึกถึงประธานวุฒิสภาซึ่งเป็นผู้เปิดเอกสารในการประชุมร่วมของวุฒิสภากับสภา
ผู้แทนราษฎรเพื่อนับคะแนนเสียงโดยให้บุคคลผู้มีคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นประธานา
ธิบดีแต่ต้องเป็นคะแนนเสียงข้างมากของผู้เลือกตั้งทั้งหมดกรณีที่บุคคลที่ได้รับคะแนน
เสียงสูงสุดเท่ากัน ให้สภาผู้แทนราษฎรลงคะแนนเสียงด้วยบัตรเพื่อเลือกบุคคลเป็น
ประธานาธิบดีเพียงหนึ่งคนให้รัฐสภากำหนดวันเลือกคณะผู้เลือกตั้งและวันที่ประชา
ชนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยกำหนดให้เป็นวันเดียวกันทั่วดินแดน
ที่เป็นอาณาเขตของสหพันธรัฐไท
18.2 ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐไทต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี มีสัญชาติไทย
โดยกำเนิดหรือการแปลงสัญชาติ และมีภูมิลำเนาอยู่ในสหพันธรัฐไทเป็น
เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี
18.3 กรณีที่ประธานาธิบดี และ/หรือ รองประธานาธิบดีถูกปลดจากตำแหน่ง ตาย ลาออก
หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รัฐสภาแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนจนกว่าจะมีการ
เลือกตั้งประธานาธิบดีขึ้นใหม่
18.4 ให้ประธานาธิบดีได้รับค่าตอบแทนจากการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง
ค่าตอบแทนดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการดำรงตำแหน่งหรือจะได้รับ
รายได้อื่นจากสหพันธรัฐหรือรัฐใดอีกไม่ได้
18.5 ก่อนเข้าบริหารงานในตำแหน่งประธานาธิบดี จะต้องกล่าวคำสาบานว่า
“ข้าพเจ้าขอสาบานว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีแห่ง
สหพันธรัฐไทอย่างซื่อสัตย์ และจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดตาม
ความสามารถของข้าพเจ้าเพื่อพิทักษ์รักษาและปกป้อง
รัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐไท ”
18.6 ให้ประธานาธิบดีเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพบก กองทัพเรือ
กองทัพอากาศรวมทั้งกำลังพลอาสาสมัครของรัฐต่างๆด้วยและให้มี
อำนาจในการออกคำสั่งบรรเทาโทษและนิรโทษกรรมต่อการกระทำ
ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสหพันธรัฐยกเว้นกรณีที่ถูกฟ้องบังคับให้
ออกจากตำแหน่ง
19. อำนาจและหน้าที่ของประธานาธิบดีให้ประธานาธิบดีมีอำนาจในการทำสนธิสัญญา
โดยได้รับคำแนะนำและยินยอมจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม
ของสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ในที่ประชุมให้ประธานาธิบดีมีอำนาจในการเสนอชื่อเพื่อ
แต่งตั้งเอกอัครราชทูตอัครราชทูตกงสุล คณะผู้พิพากษาศาลสูงโดยได้รับความ
เห็นชอบจากวุฒิสภาทั้งนี้รัฐสภาอาจตรากฎหมายให้ประธานาธิบดีมีอำนาจแต่ง
ตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในระดับรองลงไปได้หากเห็นสมควรและรัฐมนตรีมีอำนาจแต่ง
ตั้งเจ้าหน้าที่ระดับรองลงมาได้
19.1ให้ประธานาธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลตามตำแหน่งที่ว่างลงทุกตำแหน่งทีอาจมีขึ้
ในช่วงปิดสมัยประชุมวุฒิสภาให้ประธานาธิบดีเป็นผู้รับรองเอกอัครราชทูตอัครราช
ทูตของประเทศต่างๆ เป็นผู้รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นผู้แต่งตั้งเจ้าหน้า
ที่ของสหพันธรัฐทั้งหมด
19.2 ประธานาธิบดีต้องรายงานสถานการณ์ของประเทศต่อรัฐสภาตามระยะเวลาที่
กำหนดและเสนอมาตรการต่างๆต่อรัฐสภา ประธานาธิบดีมีอำนาจต้ดสินใจ
เวลาที่เหมาะสมในการประชุมของทั้งสองสภาหรือสภาใดสภาหนึ่ง
19.3การถอดถอนประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และเจ้าหน้าที่ของรัฐออกจาก
ตำแหน่งกระทำได้ในข้อหากระทำผิดทางอาญา
20. ในการพิจารณาคดีอาญาทุกคดี ยกเว้นคดีฟ้องให้ขับไล่ออกจากตำแหน่งให้พิจารณา
โดยคณะลูกขุนตามระบบคอมมอนลอว์หรือถือเอาตามสามัญสำนึกของผู้คนคือคณะ
ลูกขุนโดยให้ผู้พิพากษามีอำนาจหน้าที่ปรับใช้ตัวบทกฎหมายเพื่อการพิจารณาคดี
ให้รัฐสภาจัดตั้งศาลสูงหรือศาลระดับรองลงมาและให้ผู้พิพากษาศาลสูงหรือศาล
ระดับรองลงมาดำรงตำแหน่งตราบเท่าที่ความประพฤติไม่เสื่อมเสียและให้ได้รับ
ค่าตอบแทนจากการทำงานในระหว่างการดำรงตำแหน่งโดยค่าตอบแทนจะไม่มี
การเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง
20.1การพิจารณาคดีฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของสหพันธรัฐไท เพื่อปลดผู้ถูกฟ้องออกจากตำ
แหน่งสามารถดำเนินการพิจารณาคดีต่อได้หลังจากผู้ถูกฟ้องร้องถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว
20.2คดีความที่เกี่ยวข้องกับเอกอัครราชทูต ราชทูต กงสุล และบรรดาบุคคลที่รัฐมีคดีด้วยให้
เริ่มต้นที่ศาลสูง ส่วนคดีอื่นๆให้อุทธรณ์ต่อศาลสูงทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเว้นแต่
มีข้อยกเว้นกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภาของสหพันธรัฐไท
20.3การลงโทษบุคคลใดในความผิดฐานก่อการกบฏ ต้องมีพยานให้การยืนยันในการกระทำ
ความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือผู้ที่ถูกล่าวหาเป็นกบฏจะรับสารภาพในศาลที่มีการพิ
จารณาคดีอย่างเปิดเผย
20.4 รัฐบัญญัติ บันทึกสำนวนคดี และการดำเนินคดีของศาลจะต้องได้รับความเชื่อถือ
จากรัฐอื่นๆโดยเท่าเทียมกัน รัฐสภาสามารถตรากฏหมายเพื่อให้เครดิตความเชื่อถือ
ระหว่างรัฐมีผลใช้บังคับได้
20.5ให้พลเมืองของแต่ละรัฐมีเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของความเป็นประชาชนแห่งสหพันธ
รัฐไทเหมือนกันบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญา หากหนีคดีอาญาไปยังรัฐอื่น
ให้ฝ่ายบริหารรัฐของเจ้าของคดีขอให้อีกรัฐหนึ่งส่งตัวผู้ร้ายข้ามมาดำเนินคดีในเขตอำ
นาจของศาลต่อไป
21. การรับรัฐใหม่ๆ เข้าเป็นสมาชิกสหพันธรัฐไทเป็นอำนาจของรัฐสภา แต่ไม่ให้มีรัฐใหม่ที่ตั้ง
ซับซ้อนพื้นที่ที่เป็นเขตอำนาจของรัฐที่มีอยู่ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากรัฐสภาของรัฐนั้น
และของรัฐสภาสหพันธรัฐไท
21.1ให้สหพันธรัฐไทค้ำประกันให้รูปแบของรัฐบาลทุกรัฐเป็นรูปแบบสาธารณรัฐ และสหพันธรัฐ
ไทจะให้ความคุ้มครองแต่ละรัฐจากการถูกรุกราน รวมทั้งการถูกรุกราน รวมทั้งเมื่อฝ่ายนิติ
บัญญัติหรือฝ่ายบริหารของรัฐร้องขอหากเกิดความไม่สงบภายในรัฐ
22. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กระทำได้เมื่อจำนวนสมาชิกของรัฐสภาจำนวนไม่ต่ำกว่าสองในสามของ
ที่มีอยู่เสนอให้มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับ
ใช้ได้ต้องดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และรัฐสภาของรัฐสมาชิกจำนวนไม่ต่ำ
กว่าสามในสี่ของทั้งหมดให้สัตยาบันหรือที่ประชุมของรัฐทั้งปวงให้สัตยาบันด้วยคะแนนเสียง
ไม่ต่ำกว่าสามในสี่แต่จะกำหนดให้รัฐสมาชิกมีจำนวนสมาชิกวุฒิสภาไม่เท่ากันไม่ได้
23.รัฐธรรมนูญฉบับนี้รวมทั้งกฎหมายต่างๆของสหพันธรัฐไทที่จะตราออกมารวมทั้งสนธิสัญญา
ทั้งหมดที่ได้เข้าร่วมเป็นภาคี ให้ถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศผู้พิพากษาของรัฐทุกรัฐ
ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายของรัฐ จะขัดหรือแย้งไม่ได้สมาชิกวุฒิสภาสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและ
ตุลาการทั้งหมด และรัฐต่างๆของสหพันธรัฐไท จะต้องผูกมัดกับคำสาบานหรือคำยืนยันใน
การปฏิบัติตาม หรือสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้สหพันธรัฐไทมีเจตน์จำนงค์ที่ชัดเจนที่จะให้
พลเมืองทุกคนของแต่ละรัฐมีความเป็นอยู่ที่ดี ที่ได้รับความปลอดภัยโดยมุ่งจัดสวัสดิการพื้น
ฐานที่จำเป็นให้พลเมืองทุกคน
องค์การสหพันธรัฐไท
30 เมษายน 2561 - 1.01 น. เวลาประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น